NIA ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ เปิดตัวเนื้อโคคุณภาพสูง “Lam Takhong Black Cow” ธุรกิจที่ 3 ภายใต้โครงการนิลมังกร 10X ดันแบรนด์เนื้อโลโคลสู่โกลบอล

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดตัวธุรกิจที่ 3 ในโครงการนิลมังกร 10X Lam TakhongBlack Cow…เนื้อโคคุณภาพสูงเพื่อเตรียมความพร้อมในการเติบโตสู่ตลาดทุน และยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท (10 เท่า) ภายในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสร้างโอกาสการต่อยอดยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเป็น “ดินแดนแห่งโคเนื้อพรีเมียม คิด ผลิต ขาย และพัฒนาโคเนื้อที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต

 

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะที่สุดของผู้ผลักดันนวัตกรรม กล่าวว่า “เนื้อโคคุณภาพสูง Lam Takhong Black Cow นับเป็นต้นแบบความพยายามของเกษตรกรไทยที่ต้องการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้จากสถาบันการศึกษาและการสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว ยังสามารถสร้างเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ช่วยในการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูงอีกด้วย และจากบทบาท NIA นฐานะ ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) ที่ดำเนินงานภายใต้แนวคิด 4 G (Groom – Grant – Growth – Global) ได้มีโอกาสส่งเสริมและสนับสนุน NVK ฟาร์ม ผ่านกระบวนการ Growth เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการเติบโตและขยายผลสู่การขายหรือระดมทุนด้วยกลไก Non-Financial จากโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย นิลมังกร รุ่นที่ 2 ซึ่ง NIA ห็นถึงความพร้อมที่จะส่งเสริมและต่อยอดเข้าสู่กระบวนการ นิลมังกร 10x เพื่อให้เกษตรกรผู้ผลิตเนื้อโคคุณภาพสูงของไทยเติบโตได้ 10 เท่า รวมถึงการขยายผลสู่ระดับ Global เพื่อเป็น ที่สุดของเนื้อไทยในตลาดโลกต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเป็น ดินแดนแห่งโคเนื้อพรีเมียม ที่คิด ผลิต ขาย และพัฒนาโคเนื้อที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่เพียงแค่ NVK ฟาร์มเท่านั้น แต่ยังสามารถยกระดับคุณภาพของ 8 กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 300 ฟาร์ม (ขนาดกลาง) โคเนื้อกว่า 2000 ตัว โดยปัจจุบัน ตลาดภูมิภาคเอเชีย เป็นตลาดหนึ่งที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปีจึงถือเป็นโอกาสของไทย รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต เช่น โรงเชือดเพื่อส่งออก วัคซีน การตรวจสอบย้อนกลับที่มาของโคเนื้อคุณภาพสูง การดูแลและรักษาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางต่อไป ทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จก็สามารถนำไปเป็นต้นแบบในการสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่นสำหรับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และสังคมต่อไป

 

ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะที่สุดของผู้ผลักดันสินค้านวัตกรรมเพื่อการสร้างแบรนด์ เปิดเผยว่า “มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างแบรนด์สินค้านวัตกรรม โดยในโครงการนี้จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการเกี่ยวกับการสร้าง “ความเชื่อมั่น”ในเนื้อโคคุณภาพสูง เพราะการสร้างแบรนด์คือการสร้างความเชื่อมั่น สำหรับ Lam Takhong Black Cow นั้น เริ่มต้นจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะสร้างความเชื่อมั่นและพร้อมเป็นลูกค้าของเนื้อจากฟาร์ม NVK โดยค้นหาจุดที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อเนื้อโคคุณภาพสูงไปจนถึงการซื้อซ้ำและการบอกต่อ ผ่านกระบวนการสร้างมาตรฐานของเนื้อโคคุณภาพสูงให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับ เพราะมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เองก็มีกลไกการตรวจสอบและทดสอบ เพื่อยืนยันมาตรฐานของเนื้อที่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ประกอบกับทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ Lam Takhong Black Cowโดยใช้กลยุทธ์ Brand Storytelling technique เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความน่าสนใจและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้เข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งได้จัดเตรียมทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เพื่อสร้างแบรนด์ให้ Lam Takhong Black Cow เป็นที่สุดของเนื้อไทย และอยู่ในใจ Beef Lover ต่อไป

 

ดร.วรรณภา น่าบูรณะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในฐานะที่สุดของงานวิจัยโดยการพัฒนาสายพันธุ์ กล่าวว่า “โคดำลำตะคอง เป็นลูกผสม 3 สายพันธุ์ โดยดึงเอาคาแรคเตอร์และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ 1) ลูกผสมพื้นเมือง ซึ่งมีจุดเด่นที่รสชาติ เข้มข้น และมีกลิ่นหอมของเนื้อสายพันธุ์นี้ ลักษณะเฉพาะของโคพันธุ์นี้จะมีความถึกทนซึ่งนิยมเลี้ยงในประเทศไทย 2) วากิว เป็นเนื้อที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดคือปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และ 3) แองกัส ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี จนปัจจุบันเราสามารถทำให้เกิด “พ่อพันธุ์กึ่งสำเร็จรูป” ประกอบกับองค์ความรู้ที่ได้จากอทยานวิทยาศาสตร์ทั้งเรื่องโภชนาการ สุขภาพ และสวัสดิภาพของสัตว์ จึงนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารสำเร็จเฉพาะสำหรับโคเนื้อคุณภาพสูงโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อให้โคสร้างโปรตีนเร่งการเจริญเติบโตร่วมกับการพัฒนาระบบการเลี้ยงในพื้นที่เปิดเพื่อลดอาการเครียดของโค ทำให้ได้เนื้อโคที่มีคุณภาพสูง “โคนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน” และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์

 

นายอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม โปรดักส์ จำกัด เปิดเผยถึงความเป็นที่สุดของเนื้อ “Lam Takhong Black Cow”ว่า กว่าจะมาเป็น Lam Takhong Black Cow’ ถูกพัฒนาและปลุกปั้นมาอย่างเข้มข้นกว่า 9 ปี ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ด้วยนวัตกรรมจากรุ่นสู่รุ่นจนได้สายพันธุ์ที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนการที่พิถีพิถันทั้งการเลี้ยงและการควบคุมอาหารด้วยสูตรลับเฉพาะ จึงทำให้รสชาติเข้มข้น เป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีรสหวานติดปลายลิ้นจากกระบวนการเลี้ยงโดยธัญพืชตั้งแต่แรกเกิดจนถึงแปรสภาพ และปลอดสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งได้รับมาตรฐานรับรองคุณภาพจากองค์กรที่ดูแลด้านมาตรฐานทั้งไทยและสากล โดยแบ่งรสชาติเนื้อเป็น 3 เกรด 6 ระดับ ตั้งแต่ระดับมาตรฐานStandard /Standard + (A3) – เนื้อชุ่มฉ่ำ กำลังดี พรีเมี่ยม Premium/Premium + (A4) – เนื้อหอม นุ่ม เข้มข้นและปเปอร์พรีเมี่ยม Super Premium/Super Premium + (A5) – เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ละลายในปาก ทั้งนี้ มองกลุ่มตลาดเป้าหมายทั้งในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านอาหาร คีออส และออนไลน์ ในโอกาสนี้ต้องขอขอบคุณพันธมิตรจากทุกหน่วยงานที่เข้ามามีส่วนร่วมในการปั้น ‘Lam Takhong Black Cow’ ให้กลายเป็น ที่สุด…ของเนื้อไทย

 

นายรุ่งธรรม พุ่มสีนิล ในฐานะที่สุดของนักสร้างเรื่องราว และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฟูมฟ์ฟัก จำกัด กล่าวว่าLam Takhong Black Cow” เป็นเนื้อที่มีครบทุกมิติในความเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สายพันธ์ุ ที่คัดสรรผสมผสานมาอย่างดี การเลี้ยงที่พิถีพิถันเป็นอย่างมาก อาหารมีทั้งสูตรมาตรฐาน สูตรพิเศษ ที่สำคัญเรามีสูตรลับอีกด้วย คุณภาพไม่เป็นสองรองใคร ส่งผลให้ รสชาติ ที่ออกมาพูดได้ว่เฉพาะตัวแบบไร้ที่ติอีกสิ่งที่อยากบอกก็คือ เราไม่ใช่คนรับเนื้อมาสร้างแบรนด์ขาย แต่เราสร้างสรรค์เนื้อขึ้นมาเพื่อผู้บริโภค สิ่งนี้ถูกคิด วิเคราะห์ ลองถูกลองผิด ปรับปรุง และพัฒนามาเกือบสิบปี ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรได้ลิ้มลองและรับรู้เรื่องราวเหล่านี้และสเต็ปต่อไปคือ อยากให้โลกรู้ว่าเนื้อที่ดีไม่ได้มีแค่แองกัสหรือวากิว แต่ยังLam Takhong Black Cow อยู่ด้ว ในมุมธุรกิจเมื่อเรามีโปรดักส์ที่สุดยอดขนาดนี้ เราได้วางกลยุทธทางการตลาดมุ่งเน้นไปทั้ง B2C และ B2B เรียบร้อยแล้วในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น OFFLINE / ONLINE และ HORECA ซึ่งจะเริ่มปูพรมการสื่อสารและการขายที่ไตรมาสที่ 4 ของปี คือตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ทั้งหมดนี้ขอสรุปสั้น ๆ ว่า เมื่อเราคิดสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่ดี และที่สำคัญคือเราทำได้ เราเชื่อมั่นว่ความสำเร็จจะรอเราอยู่

 

นายยุทธนา บุญอ้อม (ป๋าเต็ด) ครีเอทีฟ นักสร้างสรรค์ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฟูมฟ์ฟัก จำกัด กล่าวในมุมของ Beef lover ว่า ผมลองมาแล้ว บอกเลยว่านี่คือที่สุดของเนื้อไทยอย่างแท้จริง สิ่งที่สัมผัสไดัคือความนุ่มแบบแองกัสแต่แองกัสมันไม่จุ๊ยส์ซี่ (ซุ่มฉ่ำ)แต่นี่กลับมีความจุ๊ยส์ซี่แบบวากิว ซึ่งวากิวกินมากก็เลี่ยนแต่แบล็กคาวกลับไม่เลี่ยน ทานได้เรื่อย ๆ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในที่สุดของเนื้อที่เคยทานมาเลยทีเดียวอยากให้ทุกคนที่มีความเชื่อว่าเนื้อที่คุณภาพดีต้องเป็นเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศมาลอง แล้วความคิดคุณจะเปลี่ยนไปว่าหนึ่งในเนื้อที่ดีที่สุดอยู่ในไทยเรานี่เอง ขอสรุปด้วยสามคำสั้น ๆ สำหรับเนื้อแบล็กคาวก็คือ….มัน คือ ซอฟท์พาวเวอร์

 

คุณธิติฏฐ์ ทัศนาขจร (เชฟต้น) เจ้าของร้านอาหารรางวัล 1 ดาวมิชลินLe Du (ฤดู)’ กล่าวว่า “สำหรับผมสิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้วัตถุดิบทุกอย่างจากผืนแผ่นดินไทย เพื่อที่จะได้สนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทย ซึ่งไม่เพียงทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ต้องสามารถผลิตวัตถุดิบที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ผมเชื่อว่าโคดำลำตะคองเป็นอีกหนึ่งในสินค้าของไทยที่เราควรภูมิใจ เนื่องจากมีคุณภาพดี จุดเด่นคือรสชาติเนื้อที่เข้มข้นหอมหวานที่วากิวปกติจะไม่มี เนื้อสัมผัสที่ได้เคี้ยว สู้ฟัน ไม่ละลายมากเกินไป และไม่เลี่ยน ผมว่านี่คือจุดเด่นของโคดำไทย เราไม่ได้ทำให้เหมือนใคร แต่เราต้องขายจากสิ่งที่แตกต่าง”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *